ปัจจุบันตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้พัฒนานวัตกรรมและฟังก์ชั่นแปลกใหม่มากมาย ซึ่งบางฟังก์ชั่นก็อาจจะไม่ได้จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันมากขนาดนั้น ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อตู้เย็น ควรพิจารณาก่อนว่าตู้เย็นแบบไหนจะคุ้มค่ากับเรามากที่สุด
ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะต้องมีการระบายความร้อนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ต้องเว้นที่ว่างสำหรับการระบายความร้อนให้ตู้เย็นด้วย ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจซื้อตู้เย็น ควรดูจากขนาดพื้นที่ภายในบ้านว่ามีพื้นที่เพียงพอสำหรับตู้เย็นแค่ไหน
โดยควรเว้นที่ว่างสำหรับการระบายความร้อนเพื่อให้ตู้เย็นประหยัดไฟมากขึ้น พื้นที่ด้านบนควรเว้นอย่างน้อย 5 เซนติเมตร และควรเว้นพื้นที่ด้านข้างอย่างน้อย 5 มิลลิเมตร หากมีพื้นที่จำกัด ควรวัดขนาดพื้นที่ เพื่อเลือกซื้อตู้เย็นที่จะสามารถวางได้แบบเว้นช่องว่างอย่างเหมาะสม
แต่ละแบรนด์ จะมีการออกแบบฟังก์ชั่นที่คล้ายคลึงกัน เพียงแต่จะมีการดีไซน์และการจัดวางที่แตกต่างกัน โดยฟังก์ชั่นพื้นฐานของตู้เย็นที่ควรมี คือ ชั้นวางที่สามารถถอดได้สะดวก ง่ายต่อการปรับขนาดช่องแช่และการทำความสะอาด, ช่องผักและผลไม้ เพื่อควบคุมความเย็นและความชื้น ให้วัตถุดิบคงความสดได้นาน, ชั้นวางขวดน้ำ ควรมีขนาดรองรับขวดน้ำทุกขนาดได้ และลิ้นชักช่องแช่ ควรมีช่องแยกภายใน ที่สามาระปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับอาหารที่แช่
วัสดุที่ใช้ภายในตู้เย็นมีปลายประเภท โดยควรเลือกตู้เย็นที่ใช้วัสดุที่มีความแข็งแรง ทำความสะอาดง่าย สามารถรับน้ำหนักได้ดี
เนื่องจากตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องเปิดไว้ตลอดเวลา สำหรับตู้เย็นบางรุ่นที่ใช้วัสดุคุณภาพระดับเกรดรอง จะมีข้อเสียในเรื่องของเสียงดังขณะทำงาน ซึ่งอาจทำให้เกิดความรำคาญในบางคน ดังนั้นหากใครที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องเสียง ควรสอบถามกับพนักงานขายว่าตู้เย็นรุ่นนี้ มีเสียงดังแค่ไหน เพื่อป้องกันปัญหากวนใจในอนาคต
ปัจจุบันตู้เย็นมีนวัตกรรมในการถนอมอาหารและประหยัดพลังงานเพิ่มเติมมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบทำความเย็นแบบคู่ (Dual-Cooling System) ที่จะช่วยกระจอยลมเย็นจากช่องแช่ธรรมดากับช่องแช่แข็ง
- ระบบกรองอากาศ (Air Filtration) ช่องกรองอากาศแบบคาร์บอน ที่สามารถลดกลิ่นอับภายใน
- แผงควบคุมการทำงาน (Programmable Control Pad) แผงตั้งค่าอุณหภูมิเพื่อช่วยในการเก็บกักความเย็น ตรวจวัดตัวกรอง รวมถึงระดับน้ำในตู้เย็น
- ระบบประหยัดพลังงาน (Energy-saving Models) นวัตกรรมที่จะช่วยให้ตู้เย็นสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ งดใช้พลังงานที่ไมจำเป็น ทำให้ตู้เย็นประหยัดไฟ
แบบบ้านประหยัดพลังงาน ไอเดียบ้านเพื่ออนาคต ลดค่าใช้จ่าย
เพื่อให้ตอบรับกับประเภทผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน ตู้เย็นในปัจจุบันจึงมีหลายขนาด ซึ่งก็จะมีราคาแตกต่างกันไปด้วย การเลือกซื้อตู้เย็นก็สามารถเลือกจากขนาดและราคาที่เหมาะสม
- ตู้เย็นชนาดเล็ก ราคาประมาณ 4,000-6,000 บาท เหมาะกับห้องที่มีขนาดเล็ก จุของน้อย
- ตู้เย็นแบบ 1 ประตู ราคาประมาณ 5,000-7,000 บาท เหมาะกับที่พักอาศัยทั่วไปที่ไม่เน้นจุของเยอะ
- ตู้เย็นแบบ 2 ประตู แยกช่องแช่แข็งและช่ปกติ ราคาประมาณ 9,000-30,000 บาท เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
- ตู้เย็นแบบ 2 ประตูแยกซ้ายขวา เหมาะสำหรับการจุของปริมาณมาก ราคาประมาณ 40,000-100,000 บาท
- ตู้เย็นแบบหลายประตู มีการแยกช่องแช่หลายจุ ราคาประมาณ 50,000-160,000 บาท
ตู้เย็นมีหน่วยเรียกขนาดว่า ‘คิว’ ซึ่งมาจาก Cubic foot หรือลูกบาศก์ฟุต โดยวัดเป็นลิตรตามความจุของตู้เย็น ดังนั้นการเลือกตู้เย็นให้เหมาะกับการใช้งาน จึงควรเลือกขนาดความจุตู้เย็นที่เพียงพอสำหรับปริมาณสมาชิกภายในบ้าน ซึ่งสามารถคำนวณได้จากขนาดความจุนี้ได้เช่นกัน
โดยมีสูตรคำนวณขนาดตู้เย็นคือ
ความกว้าง x ความสูง x ความลึก (หน่วยเป็นฟุต) = ขนาดคิวบิกฟุต
โดยสามารถเปลี่ยนจากคิวบิกฟุต เป็นลิตรได้ โดยใช้เครื่องมือคำนวณ หรืออัตราส่วน 1 ลิตร = 0.0353147 คิว โดยจะได้ค่าความจุประมาณ 114-116 ลิตร
1. ภาคเหนือ / 9 จังหวัด
1.จังหวัดเชียงราย
2.จังหวัดเชียงใหม่
3.จังหวัดน่าน
4.จังหวัดพะเยา
5.จังหวัดแพร่
6.จังหวัดแม่ฮ่องสอน
7.จังหวัดลำปาง
8.จังหวัดลำพูน
9.จังหวัดอุตรดิตถ์
———————————————————
2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ / 20 จังหวัด
1.จังหวัดกาฬสินธุ์
2.จังหวัดขอนแก่น
3.จังหวัดชัยภูมิ
4.จังหวัดนครพนม
5.จังหวัดนครราชสีมา
6.จังหวัดบึงกาฬ
7.จังหวัดบุรีรัมย์
8.จังหวัดมหาสารคาม
9.จังหวัดมุกดาหาร
10.จังหวัดยโสธร
11.จังหวัดร้อยเอ็ด
12.จังหวัดเลย
13.จังหวัดสกลนคร
14.จังหวัดสุรินทร์
15.จังหวัดศรีสะเกษ
16.จังหวัดหนองคาย
17.จังหวัดหนองบัวลำภู
18.จังหวัดอุดรธานี
19.จังหวัดอุบลราชธานี
20.จังหวัดอำนาจเจริญ
———————————————————
3.ภาคกลาง
มี 21 จังหวัด (กรุงเทพมหานครไม่ถือเป็นจังหวัด)
1.จังหวัดกำแพงเพชร
2.จังหวัดชัยนาท
3.จังหวัดนครนายก
4.จังหวัดนครปฐม
5.จังหวัดนครสวรรค์
6.จังหวัดนนทบุรี
7.จังหวัดปทุมธานี
8.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
9.จังหวัดพิจิตร
10.จังหวัดพิษณุโลก
11.จังหวัดเพชรบูรณ์
12.จังหวัดลพบุรี
13.จังหวัดสมุทรปราการ
14.จังหวัดสมุทรสงคราม
15.จังหวัดสมุทรสาคร
16.จังหวัดสิงห์บุรี
17.จังหวัดสุโขทัย
18.จังหวัดสุพรรณบุรี
19.จังหวัดสระบุรี
20.จังหวัดอ่างทอง
21.จังหวัดอุทัยธานี
———————————————————
4. ภาคตะวันออก / 7 จังหวัด
1.จังหวัดจันทบุรี
2.จังหวัดฉะเชิงเทรา
3.จังหวัดชลบุรี
4.จังหวัดตราด
5.จังหวัดปราจีนบุรี
6.จังหวัดระยอง
7.จังหวัดสระแก้ว
———————————————————
5. ภาคตะวันตก / 5 จังหวัด
1.จังหวัดกาญจนบุรี
2.จังหวัดตาก
3.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
4.จังหวัดเพชรบุรี
5.จังหวัดราชบุรี
———————————————————
6. ภาคใต้ / 14 จังหวัด
1.จังหวัดกระบี่
2.จังหวัดชุมพร
3.จังหวัดตรัง
4.จังหวัดนครศรีธรรมราช
5.จังหวัดนราธิวาส
6.จังหวัดปัตตานี
7.จังหวัดพังงา
8.จังหวัดพัทลุง
9.จังหวัดภูเก็ต
10.จังหวัดระนอง
11.จังหวัดสตูล
12.จังหวัดสงขลา
13.จังหวัดสุราษฎร์ธานี
14.จังหวัดยะลา