หากเราจะพูดถึงหาดใหญ่เราต้องย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 200 ปีที่แล้ว ในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2381 โดยปรากฏชื่อครั้งแรกในนาม "ทุ่งหาดใหญ่" ในเอกสารจดหมายหลวงอุดมสมบัติ ถึง พระยาศรีพิพัฒน์ (ทัด) ฉบับที่ 1 และ ในพงศาวดารเมืองสงขลา เรียบเรียงโดยพระยาวิเชียรคิรี (ชม) โดยในระหว่านั้นได้เกิดศึกสงครามระหว่าง เมืองไทรบุรี และ เมืองสงขลา มีทุ่งหาดใหญ่เป็นหนึ่งในเส้นทางสนับสนุนการทำสงคราม
พ.ศ.2405 รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าให้สร้างทางหลวงระหว่างเมืองไทรบุรีเชื่อมต่อเมืองสงขลา (ถนนกาญจนวนิช) เพื่อให้ประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าสามารถสัญจรไปมาได้สะดวก ส่งผลให้หาดใหญ่กลายเป็นในทางผ่านเส้นทางดังกล่าว และกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น
พ.ศ.2411 เมืองสงขลา แบ่งออกเป็น 5 แขวง คือ อ.กลางเมือง อ.ปละท่า อ.ฝ่ายเหนือ อ.จะนะ และ อ.เมืองเทพา
พ.ศ.2415 รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จกลับจากอินเดียผ่านเมืองไทรบุรี และเสด็จประทับพักแรมบริเวณหาดทรายใหญ่ (คลองอู่ตะเภา).
พ.ศ.2427 สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศวรเดช เสด็จตรวจราชการหัวเมืองปักษ์ใต้ ได้ทรงแต่งหนังสือ “ชีวิวัฒน์” เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายรัชกาลที่ 5 โดยทรงบรรยายถึงสภาพคลองอู่ตะเภา มีการกล่าวถึงสวนส้มของชาวบ้าน และพูดถึงวัดแห่งหนึ่งชื่อว่า "วัดสระเต่า" หรือ วัดคูเต่า(เดิม)
พ.ศ.2428 ปรากฏหลักฐานการตั้งบ้านเรือนบริเวณโคกเสม็ดชุน ซึ่งขณะนั้นพื้นที่ส่วนใหญ่ของโคกเสม็ดชุน มีสภาพเป็นหนองบึงและป่ารกร้าง
พ.ศ.2429 นายเจียกีซี หรือ ขุนนิพัทธ์จีนนคร ได้ถือกำเนิดขึ้นในปีนั้น
พ.ศ.2432 จดหมายเหตุ รัชกาลที่ 5 ครั้นเสด็จประพาสแหลมมลายู โดยมีการกล่าวถึงสภาพของ "คลองอู่ตะเภา" กล่าว่า คลองอู่ตะเภาเป็นคลองที่ใหญ่กว่าคลองทุกสาย ขณะเดียวกันสงขลาแบ่งการปกครองเป็น 13 อำเภอ โดยหาดใหญ่อยู่ภายในเขตของ "อำเภอหลวงรักษาพลสยาม" หาดใหญ่ประกอบด้วย บ้านหาดใหญ่ 4 หลังคาเรือน และบ้านโคกเสม็ดชุน 10 เรือน
พ.ศ.2433 มีการสร้างสะพานข้ามคลองและปักเสาโทรเลขบนถนนสายสงขลา-ไทรบุรี
พ.ศ.2434 เมืองสงขลาแบ่งออกเป็น 14 แขวง (อำเภอ) และมีนายอำเภอประจำ
พ.ศ.2439 ก่อตั้ง "อำเภอฝ่ายเหนือ"
พ.ศ.2442 อำเภอฝ่ายเหนือ ตั้งที่ว่าการอำเภอ ณ ท่าหาดใหญ่ บริเวณริมคลองอู่ตะเภา (บริเวณที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่ในปัจจุบัน)
พ.ศ.2447 หลวงภูวนารถบุรารักษ์ (อ่อน เศวตนันท์) เป็นนายอำเภอฝ่ายเหนือคนแรก
พ.ศ.2448 นายเจียกีซี อพยพมาจากประเทศจีน
พ.ศ.2450 หลวงพ่อปาน ปุญญมณี เจ้าอาวาสวัดคลองเรียน รับเด็กๆในละแวกวัด เข้ามาศึกษาเล่าเรียนในอาคารเรียนและที่กุฏิ
พ.ศ.2452 รัชกาลที่ 5 มีพระบรมราชโองการให้สร้างทางรถไฟสายใต้ และ "นายเจียกีซี" ได้เข้าทำงานกับบริษัทรับเหมาสร้างทางรถไฟสายใต้ โดยทำหน้าที่เป็นผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไป ช่วงเส้นทางพัทลุง-สงขลา
พ.ศ.2453 ทางรถไฟสายใต้ได้สร้างมาถึงบริเวณ บ้านอู่ตะเภา และ บ้านโคกเสม็ดชุน โดยเส้นทางรถไฟได้สิ้นสุดตรงบริเวณสถานีอู่ตะเภา
พ.ศ.2555 นายเจียกีซีซื้อที่ดิน 50 ไร่ บริเวณบ้านโคกเสม็ดชุน (บริเวณสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ในปัจจุบัน)
พ.ศ.2456 เริ่มมีการทำเหมืองแร่ที่หาดใหญ่
พ.ศ.2457 นายเจียกีซี ก่อตั้ง "บริษัทนิพัทธ์และบุตร" ดำเนินกิจการทั้งแร่ดีบุกและวุลแฟรม / พระเสน่หามนตรี (ชื่น สุคนธหงส์) ย้ายจาก จ.พัทลุง มาเป็นนายอำเภอ (นับเป็นนายอำเภอเหนือคนสุดท้าย)
พ.ศ.2458 นายเจียกีซีและชาวบ้าน ช่วยกันสร้างสะพานข้ามคลองเรียน และขยายทางเดินไปวัดคลองเรียน ต่อมาถนนสายนี้มีชื่อว่า "ถนนศรีภูวนารถ" / ทางการได้มีการขอซื้อที่ส่วนหนึ่งของนายเจียกีซี เพื่อสร้างย่านรถไฟ
พ.ศ.2459 นายเจียกีซี ตัด ถนนเจียกีซี 1,2,3 โดย ถนนเจียกีซี ภายหลังเป็นชื่อเป็น "ถนนธรรมนูญวิถี" ส่วนถนนเจียกีซี 1-3 ก็เปลี่ยนเป็น ถนนนิพัทธ์อุทิศ 1-3 (สาย1,2,3นั่นเอง) และสร้างห้องแถว 5 ห้องแรก มีลักษณะเป็นฝาขัดแตะหลังคาจาก เพื่อทำเป็นโรงแรมเคี่ยนไท้และโรงแรมหยี่กี
พ.ศ.2460 หลายมองว่ามันคือจุดเริ่มต้นก่อกำเนิดเมืองหาดใหญ่ เนื่องจาก "อำเภอฝ่ายเหนือ" ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "อำเภอหาดใหญ่" โดยมี พระเสน่หามนตรี (ชื่น สุคนธหงส์) เป็นนายอำเภอหาดใหญ่คนแรก และได้มีการย้ายสถานีไฟ จากสถานีอู่ตะเภามายังบ้านโคกเสม็ดชุน โดยใช้ชื่อว่า "สถานีรถไฟหาดใหญ่"
ช่วงระหว่างปี พ.ศ.2460-2467 เกิดบริษัทเกี่ยวกับยางพารา เหมืองแร่ โรงแรม ตลาด โรงมหรสพมากมาย นับว่าเป็นช่วงที่หาดใหญ่รุ่งเรืองมาจากตอนนั้น
พ.ศ.2465 หลวงพ่อปาน ปุญญมณี เริ่มบุกเบิกวัดโคกเสม็ดชุน (แต่เดิมเป็นวัดร้าง) โดยหลวงพ่อปานได้สร้างที่พักสงฆ์ในบริเวณวัดร้าง ซึ่งปรากฏร่องรอยพัทธสีมาเป็นไม้แก่นปักอยู่ / หาดใหญ่ก่อตั้ง "โรงเรียนประจำตำบลหาดใหญ่" ขึ้น (โรงเรียนเทศบาล2)
พ.ศ.2466 หาดใหญ่มีประชาชนอาศัยอยู่ 100 หลังคาเรือน และมีการสร้าง "วัดโคกเสม็ดชุน" / "นายซีกิมหยง" ได้อุทิศที่ดินเพื่อสร้าง "ตลาดซีกิมหยง" และสร้างวัดจีน สุเหร่า โรงเจ โรงพยาบาลมิชชั่น / ก่อกำเนิด "โรงเรียนศรีนคร" โดยนายซีกิมหยง
พ.ศ.2467 มีการจัดงานเฉลิมฉลองสถานีรถไฟ และ "ตลาดหาดใหญ่" หรือ "ตลาดโคกเสม็ดชุน" ขณะเดียวกันได้มีหมอจากอินเดีย นามว่า "หมอปิแอร์" ได้เข้ามาเปิดร้านหมอรักษาโรคทุกชนิด ชื่อ “ดาราสยามโอสถ” (ถนนนิพัทธ์อุทิศ1)
พ.ศ.2470 คนสัญจรทั่วไปต้องมาข้ามฟากเพื่อขึ้นเรือที่บริเวณ "ท่าหาดใหญ่" ตรงริมคลองอู่ตะเภา ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้คึกคัก
พ.ศ.2471 "ตลาดหาดใหญ่" ถูกยกฐานะให้เป็นสุขาภิบาล
พ.ศ.2472 รัชกาลที่ 7 เสด็จประพาสภาคใต้ ได้พิจารณาคุณงามความดี "นายเจียกีซี" จึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น "ขุนนิพัทธ์จีนนคร" ขณะเดียวกันในปีนี้ก็ได้ถือกำเนิดโรงภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า "หาดใหญ่สำเริงสถาน" หรือ "HAADYAICINEMA" ดำเนินการโดยบริษัทภาพยนตร์ซีตงก๊ก และเกิดเรื่องเศร้าเมื่อ หลวงพ่อปาน ปุญญมณี มรณภาพ / กำเนิดอาคารรูปแบบผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออก ที่เรารู้จักในชื่อ ตึกชิโนยูโรเปี้ยน หรือ ตึกชิโนโปรตุกีส บริเวณถนนนิพัทธ์อุทิศ 1
พ.ศ.2529 รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินเปิดโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ ในการก่อสร้างอาคารที่พักผู้ป่วยและญาติเพิ่มเติม ต่อมาทุกฝ่ายมีมติให้ใช้ชื่อ “อาคารเย็นศิระ”
พ.ศ.2531 เปิดทำการ "ท่าอากาศยานหาดใหญ่"
พ.ศ.2538 ยกฐานะจาก "เทศบาลเมืองหาดใหญ่" มาเป็น "เทศบาลนครหาดใหญ่"
พ.ศ.2543 เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุด โดยน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่เกือบสัปดาห์ ส่งผลให้ศูนย์เสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก
พ.ศ.2553 เกิดพายุดีเปรสเข้าถล่มหลายพื้นที่ภาคใต้ หาดใหญ่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง
พ.ศ.2560 ประชาชนชาวหาดใหญ่จำนวนมากเดินทางมายังวัดโคกสมานคุณ เพื่อถวายความอาลัยแก่ "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" รัชกาลที่ 9