สำหรับ 12 วิธีกับการดูแลรักษา Notebook ให้อยู่กับเราได้นานๆ กับความจำเป็นในการใช้คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวันมีมากยิ่งขึ้นทุกวันๆจนบางทีอาจกลายเป็นปัจจัยหนึ่งเลยก็ว่าได้ การใช้งานกับคอมพิวเตอร์มักจะใช้ในการทำงานหรือการเรียน การประกอบอาชีพใดๆ ก็มักมีคอมพิวเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโน้ตบุ๊คที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้ง่าย และก็นิยมใช้กันมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ฉะนั้นเราน่าจะมารู้จักวิธีดูแลรักษาเครื่องมือคู่ชีพของเรา ให้สามารถอยู่กับเราไปได้นานๆกันดีกว่า
เนื่องจากโน้ตบุ๊คมีพื้นที่ในการระบายความร้อนค่อนข้างจำกัด แม้ในปัจจุบันผู้ผลิตโน้ตบุ๊คจะติดตั้งระบบพัดลมระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีความร้อนบางส่วนสะสมอยู่ภายในเครื่องได้ ความร้อนเหล่านี้อาจส่งผลให้การทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในเครื่องมีอายุการใช้งานสั้นลงได้หากใช้โน้ตบุ๊คไประยะหนึ่ง ประมาณ 5-6 ชั่วโมง หรือรู้สึกว่าตัวเครื่องมีความร้อนสูงพอสมควรแล้วเราก็ควรปิดเครื่องเพื่อเป็นการพักเครื่องสักระยะหนึ่งก่อน แล้วจึงเปิดใช้งานใหม่อีกครั้ง น่าจะเป็นการใช้งานที่เหมาะสม
เมื่อมีความจำเป็นต้องพกพาโน้ตบุ๊คไปไหนด้วย การใส่โน้ตบุ๊คไว้ในกระเป๋าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันโน้ตบุ๊คจากการกระทบกระเทือน การกดทับก็เช่นกัน มีผู้ใช้บางรายใส่โน้ตบุ๊คไว้ในกระเป๋าเดินทางซึ่งอาจทำให้กระเป๋าของเราถูกวางซ้อนจากกระเป๋าใบอื่นได้ หรืออาจถูกจับโยนจนทำให้จอภาพแตกได้ หากนำไปเข้าศูนย์ แม้จะอยู่ในระยะเวลารับประกัน ก็ไม่สามารถเคลมประกัน เพราะไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของตัวสินค้า ดังนั้นเวลาเดินทางควรเก็บใน้ตบุ๊คในกระเป๋าถือที่อยู่กับตัวตลอดเวลาดีกว่า
+ หลีกเลี่ยงการใช้นิ้วหรือของแข็งสัมผัสหน้าจอ เนื่องจากโครงสร้างภายในของจอ LCD ประกอบด้วยชั้นแก้วบางๆ ผลึกคริสตัลเหลว และชั้นโพลาไรซ์กรองแสง ทำให้จอ LCD เป็นจอภาพที่ค่อนข้างบอบบางต่อการกระทบกระเทือนและแรงกด จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้นิ้วมือหรือของแข็ง
+ ทำความสะอาดจอภาพอย่างถูกวิธี โดยหาซื้อน้ำยาและผ้าที่ใช้สำหรับทำความสะอาดหน้าจอโดยเฉพาะ หรือถ้าไม่อยากเสียเงิน จะใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ (เอาแค่ชื้นๆอย่าให้น้ำหยดเด็ดขาด) มาเช็ดทำความสะอาดหน้าจอก็ได้ โดยการเช็ดทำความสะอาด ควรเช็ดอย่างเบามือที่สุด และเช็ดไปทางเดียวกัน ห้ามเช็ดแบบหมุนวนเด็ดขาด เพราะอาจเกิดรอยขีดข่วนให้กับจอภาพได้
+ ห้ามฉีดน้ำหรือน้ำยาลงบนจอภาพโดยเด็ดขาด ควรฉีดน้ำหรือน้ำยาทำความสะอาดลงบนผ้าก่อนแล้วจึงนำไปเช็ด เพราะหยดหรือละอองน้ำอาจหลุดเข้าไปในช่องลำโพง คีย์บอร์ด และข้อต่อต่างๆอันอาจส่งผลให้เครื่องเสียหายได้
เนื่องจากอาจมีความบกพร่องทางฮาร์ดแวร์ที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ และไวรัสที่อาจเข้าทำลายข้อมูล ดังนั้นการแบ็คอัพข้อมูล หรือทำการสำรองข้อมูล จึงเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง
เราควรใช้แบตเตอรี่ให้หมดก่อนจึงจะชาร์ตใหม่ เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ หรือบางรุ่นก็แนะนำว่าทุก 2-3 เดือน ให้ใช้แบตเตอรี่จนหมดหรือเกือบหมดสักครั้งก่อนจะชาร์ตใหม่
เนื่องจากโน้ตบุ๊คเป็นอุปกรณ์ที่มีซอกมีมุมที่ฝุ่นผงมีโอกาสเข้าไปสะสมได้อยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็น แป้นคีย์บอร์ด ช่องลำโพง หรือข้อต่อต่างๆเป็นต้น อุปกรณ์เสริมที่คุณควรมีก็คือ น้ำยาทำความสะอาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แปรงเล็กๆหรือหาเครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็กสักเครื่องไว้ใช้ก็ดี
ขณะใช้โน้ตบุ๊คควรหลีกเลี่ยงหรือไม่ควรอยู่ใกล้กับสิ่งสกปรกต่างๆ หรือหากโน้ตบุ๊คเกิดมีคราบสกปรกเกิดขึ้นควรรีบทำความสะอาดด้วยผ้าสะอาดหรือผ้าชุบน้ำหรือน้ำยาทำความสะอาดทันที
คู่มือการใช้งานเป็นแหล่งข้อมูลอันมีค่าสำหรับผู้ใช้โน้ตบุ๊ค เพราะโน็ตบุ๊คแต่ละรุ่นอาจมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราควรศึกษาคู่มือการใช้งานที่มาพร้อมกับโน้ตบุ๊คอย่างละเอียด
เพราะอาจทำให้ไม่สามารถนำแผ่นดิสต์ออกจากไดร์ฟได้
ไม่ควรถอด, แกะ หรือแคะแกะชิ้นส่วนต่างๆของโน้ตบุ๊คโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เครื่องเสียหายหรือหมดประกันได้ ถ้าหากโน้ตบุ๊คมีปัญหา ควรส่งศูนย์ซ่อมทันทีไม่ควรพยายามแก้ไขเครื่องด้วยตนเอง
หากใช้งานโน้ตบุ๊คอยู่ดีๆเกิดอาการผิดปกติทางด้านฮาร์ดดิสต์เช่น ไดร์ฟอ่านไม่ค่อยได้ หรืออ่านไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ไม่ได้ เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้าน ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ ก็ควรรีบนำเครื่องเข้าศูนย์เพื่อปรึกษาปัญหาทันที
เมื่อหมดอายุการรับประกัน ผู้ขายโน้ตบุ๊คบางรายอาจจะให้ต่ออายุการรับประกันเพิ่มขึ้นอีก 1-3 ปี โดยต้องเสียเงินเพิ่มอีกก้อนหนึ่ง ก็ถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดี เพราะไม่ต้องเสี่ยงกับเครื่องเสียเมื่อหมดระยะเวลาการรับประกัน
ทั้งหมดก็เป็นการดูแลรักษาโน้ตบุ๊ค 12 วิธี ที่ท่านสามารถทำได้ด้วยตนเองง่ายๆและจะช่วยทำให้โน้ตบุ๊คที่เรารักคงอยู่กับเราไปได้อีกนานแสนนานเลยครับผม
รายชื่อ 77 จังหวัดของประเทศไทย ที่เรารับซื้อ Notebook เสีย
1. ภาคเหนือ / 9 จังหวัด
1.จังหวัดเชียงราย
2.จังหวัดเชียงใหม่
3.จังหวัดน่าน
4.จังหวัดพะเยา
5.จังหวัดแพร่
6.จังหวัดแม่ฮ่องสอน
7.จังหวัดลำปาง
8.จังหวัดลำพูน
9.จังหวัดอุตรดิตถ์
———————————————————
2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ / 20 จังหวัด
1.จังหวัดกาฬสินธุ์
2.จังหวัดขอนแก่น
3.จังหวัดชัยภูมิ
4.จังหวัดนครพนม
5.จังหวัดนครราชสีมา
6.จังหวัดบึงกาฬ
7.จังหวัดบุรีรัมย์
8.จังหวัดมหาสารคาม
9.จังหวัดมุกดาหาร
10.จังหวัดยโสธร
11.จังหวัดร้อยเอ็ด
12.จังหวัดเลย
13.จังหวัดสกลนคร
14.จังหวัดสุรินทร์
15.จังหวัดศรีสะเกษ
16.จังหวัดหนองคาย
17.จังหวัดหนองบัวลำภู
18.จังหวัดอุดรธานี
19.จังหวัดอุบลราชธานี
20.จังหวัดอำนาจเจริญ
———————————————————
3.ภาคกลาง
มี 21 จังหวัด (กรุงเทพมหานครไม่ถือเป็นจังหวัด)
1.จังหวัดกำแพงเพชร
2.จังหวัดชัยนาท
3.จังหวัดนครนายก
4.จังหวัดนครปฐม
5.จังหวัดนครสวรรค์
6.จังหวัดนนทบุรี
7.จังหวัดปทุมธานี
8.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
9.จังหวัดพิจิตร
10.จังหวัดพิษณุโลก
11.จังหวัดเพชรบูรณ์
12.จังหวัดลพบุรี
13.จังหวัดสมุทรปราการ
14.จังหวัดสมุทรสงคราม
15.จังหวัดสมุทรสาคร
16.จังหวัดสิงห์บุรี
17.จังหวัดสุโขทัย
18.จังหวัดสุพรรณบุรี
19.จังหวัดสระบุรี
20.จังหวัดอ่างทอง
21.จังหวัดอุทัยธานี
———————————————————
4. ภาคตะวันออก / 7 จังหวัด
1.จังหวัดจันทบุรี
2.จังหวัดฉะเชิงเทรา
3.จังหวัดชลบุรี
4.จังหวัดตราด
5.จังหวัดปราจีนบุรี
6.จังหวัดระยอง
7.จังหวัดสระแก้ว
———————————————————
5. ภาคตะวันตก / 5 จังหวัด
1.จังหวัดกาญจนบุรี
2.จังหวัดตาก
3.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
4.จังหวัดเพชรบุรี
5.จังหวัดราชบุรี
———————————————————
6. ภาคใต้ / 14 จังหวัด
1.จังหวัดกระบี่
2.จังหวัดชุมพร
3.จังหวัดตรัง
4.จังหวัดนครศรีธรรมราช
5.จังหวัดนราธิวาส
6.จังหวัดปัตตานี
7.จังหวัดพังงา
8.จังหวัดพัทลุง
9.จังหวัดภูเก็ต
10.จังหวัดระนอง
11.จังหวัดสตูล
12.จังหวัดสงขลา
13.จังหวัดสุราษฎร์ธานี
14.จังหวัดยะลา