เมื่อ UPS มีการรับพลังงานไฟฟ้าเข้าไปในตัวของแบตเตอรี่แล้ว ไม่ว่าสภาพไฟฟ้าที่เข้ามาจะเสถียรหรือไม่เสถียรก็จะทำการปรับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่ เพื่อจ่ายให้อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆที่เราต่อพ่วงอยู่กับ UPS ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ มาในส่วนหลักการก็คือ ใช้วิธีการแปลงไฟฟ้ากระแสสลับ AC เปลี่ยนเป็น ไฟฟ้ากระแสตรง DC แล้วเก็บสำรองส่วนนึงไว้ใช้เมื่อไม่มีไฟฟ้าเข้ามาก็จะได้สามารถใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงานสำรองได้
ภายใน UPS มีอะไรบ้าง
1. เครื่องจุดประจุแบตเตอรี่ (Charger)
หรือก็คือเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า AC to DC (Rectifier) ทำหน้าที่รับไฟฟ้ากระแสสลับจากไฟบ้าน (220V) เพื่อแปลงไปเป็นไฟกระแสตรง DC เพื่อเก็บไว้ในแบตเตอรี่นั่นเอง
2. เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter)
ทำหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าภายใน เช่น DC to AC , AC to DC เพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆที่ต่อพ่วงอยู่กับ UPS ให้สามารถใช้งานได้โดยไม่ติดขัดอะไร
3. แบตเตอรี่ (Battery)
ทำหน้าที่เป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้าสำรองเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินเช่น ไฟตก ไฟดับ เพื่อให้อุปกรณ์ยังสามารถทำงานต่อไปได้โดยไม่ดับในทันที ช่วยป้องกันความเสียหายและชำรุดที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาไฟฟ้าได้
4. ระบบปรับแรงดันไฟฟ้า อัตโนมัติ (Stabilizer)
ทำหน้าที่ปรับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่ เสถียร เนื่องมาจากไฟฟ้าบางครั้งที่เข้ามาอาจจะมีการจ่ายไฟที่กระแสน้อย หรือ มากเกินไปอาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าของเราได้
หลังจากที่เราพอรู้กันแล้วว่า UPS คืออะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง และมีการทำงานคร่าวๆ อย่างไรก็ถึงคราวที่จะมาดูกันแล้วว่า UPS พวกนี้มีกี่ชนิด โดยในปัจจุบันนั้นมี UPS ทั้งหมด 3 ชนิด คือ
3. True Online Double Conversion UPS
UPS ชนิดนี้เป็น UPS ที่มีศักยภาพสูงสุดในกลุ่ม UPS ทุกชนิด อีกทั้งเครื่องประจุกระแสไฟฟ้า (Charger) และตัวแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) จะทำงานตลอดเวลาจึงทำให้สามารถป้องกันปัญหาทางไฟฟ้าได้ทุกกรณีไม่ว่าจะเป็นไฟตก ไฟดับ ไฟเกิน หรือ ไฟกระชาก ก็ยังสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าที่เสถียรให้กับเครื่องไฟฟ้าโดยไม่เกิดความเสียหายแก่อุปกรณ์
โดยหลักการทำงานในยามสภาวะปกติ ไฟขาเข้าจะถูกเปลี่ยนจากไฟฟ้ากระแสสลับเป็นไฟฟ้ากระแสตรง จากนั้นก็จะแปลงไฟฟ้ากระแสสลับที่มีขนาดและความถี่คงที่ ก่อนจะนำไปจ่ายให้โหลดหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าโดยใช้วงจร DC/AC และ ชาร์ตประจุกระแสไฟฟ้า ก็จะทำประจุกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่ไปด้วยเพื่อให้แบตเตอรี่เต็มอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเกิดปัญหาทางไฟฟ้า เช่น ไฟฟ้าดับ, ไฟฟ้าตก หรือ เกินจากค่าที่กำหนด พลังงานไฟฟ้าที่ถูกเก็บสะสมไว้ในแบตเตอรี่จะถูกนำไปผ่านวงจร DC/DC Booster เพื่อปรับระดับแรงดันของแบตเตอรี่ให้มีค่าสูงขึ้นจากนั้นไฟฟ้ากระแสตรงดังกล่าวจะถูกแปลงผันให้เป็นกระแสสลับที่มีขนาดและความถี่คงที่และปราศจากสัญญาณรบกวนก่อนที่จะนำไปจ่ายให้กับโหลดหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าโดยใช้วงจร DC/AC Inverter นั้นเอง
คุณสมบัติของ UPS ชนิด True Online
- มีราคาค่อนข้างสูง
- มี Automatic Bypass switch เมื่อเกิดสิ่งผิดปกติขึ้นกับ UPS
- เหมาะสำหรับนำไปใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความไวต่อคุณภาพกำลังไฟฟ้าสูงๆ
- มีขนาดใหญ่และราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ UPS ประเภทอื่นๆ
หลังจากที่เราพอรู้เรื่องเกี่ยวกับ UPS แล้วทีนี้เราก็มาดูกับคอมพิวเตอร์ขนาดความจุ สำหรับการใช้กับคอมพิวเตอร์หนึ่งชุดจะอยู่ที่ประมาณ 500 VA ขึ้นไปนั่นเอง อีกทั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟดับขึ้นก็ควร Shutdown ทันทีเพื่อป้องกันการเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับอุปกรณ์และข้อมูลของเรานั่นเอง
การคำนวณขนาดกำลังจ่ายของ UPS ที่เหมาะสมจะมีหลักการคิดดังต่อไปนี้
1. ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะต่อพ่วงกับระบบ UPS ทั้งหมด เช่น คอมพิวเตอร์, จอ, โมเด็ม, ปริ้นเตอร์ หรือ อุปกรณ์อื่นๆ
2. อุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละชนิดจะมีป้ายแสดงค่าพิกัดกำลัง ที่ระบุถึงแรงดันไฟฟ้า และ กระแสไฟฟ้าที่ต้องการสำหรับใช้งาน
- ซึ่งจะคำนวณค่า VA โดยคูณค่าของ Volt และ Amps เข้าด้วยกัน
- อุปกรณ์ไฟฟ้าบางชนิดอาจให้ค่ามาในรูปของพลังงานในหน่วยวัตต์ ( Watt-W) ให้แปลงค่ากลับเป็น VA ด้วย 1.4
3. รวมค่า VA ของอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดในรายการ UPS
4. เลือก UPS ที่สามารถจ่ายไฟได้เพียงพอต่อระดับค่า VA ของอุปกรณ์ทั้งหมด
หากต้องการคำนวณขนาด UPS ที่สามารถใช้กับคอมพิวเตอร์ขนาด 220 V 1.5 A, เครื่องพิมพ์ ขนาด 50 W และ จอคอมพิวเตอร์ขนาด 50 W
เราจะสามารถคำนวณได้จากสูตร
1. VA = Voltage (RMS) X Current ( RMS ) = V x A
2. VA = Watt x 1.4
ตัวอย่างการคำนวน
- VA ของคอมพิวเตอร์ = 220 V x 1.5 A = 330 VA
- VA ของเครื่องพิมพ์ 50 W = 50 x 1.4 = 70 VA
- VA ของจอ 50 W = 50 x 1.4 = 70 VA
VA รวม = 330+70+70 = 470 VA
ดังนั้นขนาดของ UPS ที่สามารถต่อพ่วงกับอุปกรณ์ของเราได้อย่างปลอดภัย ต้องมีขนาด 470 VA ขึ้นไปนั่นเอง แต่โดยทั่วไปแล้วหากเลือก UPS ที่มีกำลัง VA เท่ากับค่า VA รวมของอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมด UPS จะจ่ายไฟที่ Full Load และสำรองไฟฟ้าได้ประมาณ 5 นาทีเท่านั้น หากต้องการระยะเวลาการจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองที่เพิ่มขึ้น ต้องขยายค่า VA ของ UPS หรือเพิ่มจำนวนแบตเตอรี่ให้มากขึ้นนั่นเอง
เราพอจะได้รู้แล้วว่า UPS นั้นสำคัญไฉนดังนั้นนี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามมันไปนั่นเอง เลือกอุปกรณ์ที่ใช่ ถนอมและดูแลอุปกรณ์คอมให้ดี ก็จะทำให้คอมที่รักเราอยู่กับเราได้นานยิ่งๆขึ้นนั้นเอง โดย UPS ทาง ComputeAndMore มีให้เลือกทั้ง APC และ CLEANLINE ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เรียกได้ว่าคุณภาพคับกล่องเป็นที่สุด
รายชื่อ 77 จังหวัดของประเทศไทย ที่เรารับซื้อ UPS ยูพีเอส
1. ภาคเหนือ / 9 จังหวัด
1.จังหวัดเชียงราย
2.จังหวัดเชียงใหม่
3.จังหวัดน่าน
4.จังหวัดพะเยา
5.จังหวัดแพร่
6.จังหวัดแม่ฮ่องสอน
7.จังหวัดลำปาง
8.จังหวัดลำพูน
9.จังหวัดอุตรดิตถ์
———————————————————
2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ / 20 จังหวัด
1.จังหวัดกาฬสินธุ์
2.จังหวัดขอนแก่น
3.จังหวัดชัยภูมิ
4.จังหวัดนครพนม
5.จังหวัดนครราชสีมา
6.จังหวัดบึงกาฬ
7.จังหวัดบุรีรัมย์
8.จังหวัดมหาสารคาม
9.จังหวัดมุกดาหาร
10.จังหวัดยโสธร
11.จังหวัดร้อยเอ็ด
12.จังหวัดเลย
13.จังหวัดสกลนคร
14.จังหวัดสุรินทร์
15.จังหวัดศรีสะเกษ
16.จังหวัดหนองคาย
17.จังหวัดหนองบัวลำภู
18.จังหวัดอุดรธานี
19.จังหวัดอุบลราชธานี
20.จังหวัดอำนาจเจริญ
———————————————————
3.ภาคกลาง
มี 21 จังหวัด (กรุงเทพมหานครไม่ถือเป็นจังหวัด)
1.จังหวัดกำแพงเพชร
2.จังหวัดชัยนาท
3.จังหวัดนครนายก
4.จังหวัดนครปฐม
5.จังหวัดนครสวรรค์
6.จังหวัดนนทบุรี
7.จังหวัดปทุมธานี
8.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
9.จังหวัดพิจิตร
10.จังหวัดพิษณุโลก
11.จังหวัดเพชรบูรณ์
12.จังหวัดลพบุรี
13.จังหวัดสมุทรปราการ
14.จังหวัดสมุทรสงคราม
15.จังหวัดสมุทรสาคร
16.จังหวัดสิงห์บุรี
17.จังหวัดสุโขทัย
18.จังหวัดสุพรรณบุรี
19.จังหวัดสระบุรี
20.จังหวัดอ่างทอง
21.จังหวัดอุทัยธานี
———————————————————
4. ภาคตะวันออก / 7 จังหวัด
1.จังหวัดจันทบุรี
2.จังหวัดฉะเชิงเทรา
3.จังหวัดชลบุรี
4.จังหวัดตราด
5.จังหวัดปราจีนบุรี
6.จังหวัดระยอง
7.จังหวัดสระแก้ว
———————————————————
5. ภาคตะวันตก / 5 จังหวัด
1.จังหวัดกาญจนบุรี
2.จังหวัดตาก
3.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
4.จังหวัดเพชรบุรี
5.จังหวัดราชบุรี
———————————————————
6. ภาคใต้ / 14 จังหวัด
1.จังหวัดกระบี่
2.จังหวัดชุมพร
3.จังหวัดตรัง
4.จังหวัดนครศรีธรรมราช
5.จังหวัดนราธิวาส
6.จังหวัดปัตตานี
7.จังหวัดพังงา
8.จังหวัดพัทลุง
9.จังหวัดภูเก็ต
10.จังหวัดระนอง
11.จังหวัดสตูล
12.จังหวัดสงขลา
13.จังหวัดสุราษฎร์ธานี
14.จังหวัดยะลา